รู้ก่อนแก้ทัน เมื่อตั้งครรภ์ต้องใส่ใจดูแลสุขภาพทั้งแม่และลูก

การตั้งครรภ์

วินาทีที่รู้ตัวเองว่ากำลังตั้งท้องคงทำให้คุณและคนรักเต็มไปด้วยความรู้สึกดีใจและตื้นตันไม่น้อยที่กำลังจะมีอีกชีวิตหนึ่งเกิดมา แน่นอนว่าสำหรับคุณแม่มือใหม่แล้วยังขาดความรู้ในแต่ละไตรมาสว่าจะต้องทำอย่างไร เพื่อให้ลูกในท้องออกมาแข็งแรงสมบูรณ์มากที่สุด วันนี้เราจึงได้นำข้อมูลในแต่ละระยะมาให้คุณได้ศึกษาไปเป็นข้อมูลเบื้องต้น เพื่อที่จะพัฒนาลูกน้อยในท้องให้เป็นไปตามช่วงวัย

สำหรับในไตรมาสที่ 1 การตั้งครรภ์ที่ทารกอายุมีตั้งแต่ 1 – 3 เดือน

ช่วงนี้คุณแม่จะรู้สึกว่าตัวเองนั้นมีความรู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ในบางคนคลื่นไส้อาเจียนอย่างหนักไปจนถึงไม่มีอาการใด ๆ เลยหรือเล็กน้อยมาก ๆ ส่งผลให้มี อารมณ์แปรปรวน อ่อนไหวง่าย แต่ก็ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและปริมาณฮอร์โมนของแต่ละคนด้วย ซึ่งจะทำให้มีการแสดงอาการที่แตกต่างกันออกไป ฉะนั้นหากคุณทราบว่าตนเองนั้นกำลังตั้งครรภ์ควรให้ความสำคัญอย่างเร่งด่วน นั้นคือการรีบไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อฝากครรภ์ มีความจำเป็นอย่างมาก เพื่อให้แพทย์ประเมินพัฒนาการและสุขภาพของลูกน้อยในครรภ์ว่าเป็นอย่างไรบ้าง เพราะคุณไม่สามารถคาดเดาเอาเองได้ แม้ว่าคุณจะมีประสบการณ์จากคนรอบข้างมาก่อนก็ตาม เมื่อคุณได้คุยกับแพทย์จะได้รับคำแนะนำในการปฏิบัติตัวอย่างเหมาะสม

สำหรับไตรมาสที่ 2 อายุครรภ์อยู่ที่ตั้งแต่ 4 – 6 เดือน

ถือเป็นช่วงระยะที่สำคัญอย่างมาก เพราะทารกในครรภ์กำลังเริ่มพัฒนาอวัยวะสำคัญต่าง ๆ โดยเมื่ออัลเตอร์ซาวด์จะสามารถมองเห็นรูปร่างได้ชัดขึ้น เมื่อทราบแล้วจะต้องเตรียมทั้งร่างกายและอาหารการกินของคุณแม่ให้พร้อม เพื่อที่จะได้ส่งผลดีต่อลูกน้อยในครรภ์ แน่นอนว่าในช่วงที่คุณแม่เคลื่อนไหวหรือนอนอาจจะสัมผัสได้ถึงการดิ้น ในส่วนของการได้ยินลูกน้อยเริ่มมีพัฒนาการตอบสนองต่อเสียงภายนอกแล้ว เพราะหูของเราเริ่มได้ยินเสียงของพ่อแม่ เสียงเพลง เมื่อมีการพูดคุยกันหรือเปิดเพลงนั้นเอง ฉะนั้นจึงเห็นว่าคุณแม่บางคนฟังเพลงอยู่ตลอดเวลา รวมถึงการพูดกับลูกน้อยนั้นเอง ถือเป็นความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น ไม่เพียงแค่เสียงที่เขาได้ยิน ความรู้สึกเขาก็สามารถสัมผัสได้เช่นกัน ถือเป็นการกระตุ้นพัฒนาการได้ดีทีเดียว

สำหรับไตรมาสที่ 3 อายุครรภ์อยู่ที่ตั้งแต่ 7 – 9 เดือน

ถือเป็นช่วงสุดท้ายของการตั้งครรภ์แล้ว ถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะอวัยวะทุกอย่างจะต้องเริ่มพัฒนาอย่างสมบูรณ์แล้ว หน้าที่ตอนนี้คือแม่จะต้องคอยนับการดิ้นของลูกน้อย เพื่อสังเกตความผิดปกติหากรู้สึกได้ว่าดิ้นน้อยลงควรรีบพบแพทย์ เพื่อให้แพทย์ประเมินภาวะสุขภาพทารกในครรภ์และที่สำคัญจะต้องเฝ้าสังเกตอาการท้องแข็งถี่ ๆ น้ำเดินพร้อมกับมีมูกเลือดเพราะอาการเหล่านี้คือสัญญาณเตือนว่าคุณกำลังจะคลอดนั้นเอง

เชื่อว่าคุณแม่ทั้งหลายจะต้องนั่งหาข้อมูลต่าง ๆ ไม่หยุด เพราะกังวลในเรื่องของสุขภาพและพัฒนาการลูกน้อย ในวันนี้คุณคงพอได้ความรู้ไปบ้าง อย่างไรก็ลองนำไปสังเกตอาการของตัวเองว่าเป็นอย่างไรบ้าง เพื่อให้ลูกน้อยออกมาแข็งแรงสมบูรณ์มากที่สุด